“บ้านเก่า หรือบ้านมือสอง หรือบ้านที่มีอยู่แล้วนำมาปรับปรุงใหม่นั้น หลายคนตั้งคำถามว่าควรซื้อบ้านใหม่เลยหรือนำเงินมาลงทุนกับการซื้อบ้านใหม่ดี ข้อนี้เชื่อว่าคำตอบอยู่ที่แต่ละบุคคลเสียมากกว่า เพราะการซื้อบ้านหรือการรีโนเวทนั้นต่างก็ต้องมีงบประมาณในการจัดการเช่นเดียวกัน บ้านเก่า สามารถรีไฟแนนซ์หรือทำเรื่องกู้เพื่อนำเงินมาตกแต่งได้ ส่วนการซื้อบ้านใหม่ก็ทำเรื่องกู้เพื่อขอสินเชื่อซื้อบ้านได้เช่นกัน ดังนั้นความแตกต่างจึงขึ้นอยู่กับความสะดวกแลการวางแผนการเงินของแต่ละบุคคลนั่นเอง”
รีโนเวทบ้านเก่าต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
การรีโนเวทบ้านเก่าก็เสมือนได้ลงทุนซื้อบ้านใหม่ หากอยู่ในทำเลที่ตั้งที่ผู้อยู่อาศัยคิดว่ามีความสะดวกสบายในด้านการเดินทาง สาธารณูปโภคต่างๆ การเข้าออกของรถ สะดวกพร้อมที่จะอยู่อาศัยในระยะยาว ก็นับว่าเป็นการคุ้มค่าในการลงทุน แต่หากผู้อยู่อาศัยยังติดใจกับการอำนวยความสะดวกหลายเรื่องแล้วล่ะก็ .. อาจต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในด้านนี้เช่นเดียวกัน เพราะการรีโนเวทบ้านนั้นก็ต้องมีงบประมาณไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ละบ้านมีการวางโครงสร้างไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะความแตกต่างของตึกแถว ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว บ้าน 2 ชั้น ฯลฯ ซึ่งหากมีการรีโนเวทไม่มาก อาจไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างของบ้านเดิม แต่หากต้องการต่อเติมเพิ่มจำนวนชั้น หรือเปลี่ยนแปลงต่อเติมขยายพื้นที่ ในส่วนของโครงสร้างตัวบ้านจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องตรวจสอบสภาพว่าอยู่ในความพร้อมที่จะรับน้ำหนัก รับแรงกระแทกเพียงพอหรือไม่
บ้านที่ดีควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม หากเป็นบ้านเก่าที่เคยอยู่อาศัยอยู่แล้วก็จะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม ในส่วนนี้อาจไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงมากเท่าไหร่ เพียงแค่ในขณะก่อสร้าง รีโนเวทนั้น ควรมีการพูดคุย บอกกล่าวเพื่อนบ้าน เพื่อให้รับทราบถึงเสียงและฝุ่นที่จะตามมานั่นเอง
✺ ค่าออกแบบ เริ่มต้น 900 บาทต่อตารางเมตร และอาจมีค่าสำรวจบ้านที่จะรีโนเวทเพิ่มอีกประมาณ 2000 บาทเป็นต้นไป (ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาปนิก ผู้ออกแบบนั้นๆ )
✺ ค่าผู้รับเหมา / ค่าคนงาน / ค่าช่าง ในส่วนนี้ควรให้ทีมงานแจงค่าใช้จ่ายมาโดยละเอียด และทำการแบ่งชำระตามตกลง
✺ ค่าวัสดุอุปกรณ์ เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ)
ถ้าจะให้ดีลองลิสต์รายการมาให้พอดีกับเนื้อที่และสิ่งที่คิดไว้ สามารถทำควบคู่กับสถาปนิกหรือผู้ออกแบบเพื่อจะได้ทราบงบประมาณคร่าวๆ เพื่อไม่ให้เกินงบประมาณหรือเกินน้อยที่สุด เป็นต้น
ประตู หน้าต่าง ห้องน้ำ ห้องนอน ห้องครัว พื้นที่ใช้สอยต่างๆ
ทั้งการทำหลังคา ผนังตกแต่ง บันได วัสดุปูพื้น เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ
ระบบน้ำ ระบบสุขาภิบาล ท่อน้ำทิ้ง ฯลฯ
ในระหว่างรีโนเวทบ้านใหม่ ไหนจะทั้งฝุ่น กลิ่น สี และเสียงที่รบกวนการอยู่อาศัย รวมถึงการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ของมีค่าต่างๆ อาจทำให้การทำงานไม่สะดวกนัก ดังนั้นในการรีโนเวทบ้านจึงควรมีที่พักสำรองในการเก็บของมีค่าเฟอร์นิเจอร์ที่จะเก็บไว้ใช้งาน เป็นต้น
1. ทำเลที่ตั้ง
2. สภาพแวดล้อม
3. วงเงินกู้ที่สามารถจ่ายไหว : สูตรการคำนวณราคาบ้านแบบคร่าวๆ (รายได้ต่อเดือน) x (60 เท่าของรายได้) = (ราคาบ้านที่กู้ได้)
4. สูตรคำนวนความสามารถในการผ่อนชำระ (รายได้ต่อเดือน) x (ภาระหนี้ 30-40%) = (ความสามารถในการผ่อนชำระ)
5. ค่าใช้จ่าย ค่าจอง ค่าทำสัญญา ค่าดาวน์บ้าน
6. บัญชีความเคลื่อนไหวทางการเงินย้อนหลัง 6 เดือนเป็นอย่างต่ำ
7. ที่มาของรายได้ เช่น พนักงานประจำ ควรมีสลิปเงินเดือนแบบคาร์บอน ทำธุรกิจส่วนตัว มีบัญชีรายรับ รายจ่าย เงินเก็บเงินออม หลักฐานการเสียภาษี เป็นต้น
8. ผู้ลงทุนอสังหา ผู้ขายหรือผู้พัฒนาโครงการ ตำแหน่งการจัดวางพื้นที่ใช้สอยของบ้าน
9. ทิศทาง ฮวงจุ้ยต่างๆ การเปิดรับลม รับแสง ผังประตู เป็นต้น
10. วัสดุที่เลือกใช้ ความพึงพอใจ
สำหรับใครที่สนใจวัสดุชนิดไหนนั้น สามารถทักทายสอบถามข้อมูลผมได้ ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับผม